เคยไหมคะ วันไหนที่ไม่ได้แต่งหน้า ก็ขอทาลิปสติกสักนิดนึงก็ยังดี เพราะริมฝีปากที่มีสีสันสวยงามจะช่วยให้ใหน้าของเรามีชีวิตชีวีวา มีความมั่นใจในการออกไปทำกิจกรรมข้างนอก และมั่นใจเลยว่าสาวๆทุกคนจะต้องมีลิปสติกมากกว่า 1 สี 1 แบบแน่นอน ทำให้ลิปสติกเป็นสินค้าเครื่องสำอางที่ขายดีตลอดกาล ถ้าหากเจ้าของแบรนด์เลือกเนื้อลิปสติกที่ตอบโจทย์ลูกค้า สีสวยถูกใจ มีจุดเด่น ก็สร้างยอดขายได้ไม่ยากเลย แต่หลายๆคนอาจจะยังมองภาพรวมไม่ออกว่าควรทำแบรนด์ลิปสติกแบบไหนดี แบบแท่ง หรือแบบจุ่ม? ซึ่งจริงๆแล้วลิปสติกแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภทมากกว่านั้น
เราเลยจะพาทุกคนมาดูว่าที่จริงแล้วลิปสติกมีกี่แบบกี่เนื้อ แล้วแต่ละแบบมีดียังไง เพื่อช่วยในการตัดสินใจสร้างแบรนด์ลิปสติกมากขึ้นค่ะ
11 ประเภทลิปสติกที่เจ้าของแบรนด์ต้องรู้ก่อนเลือกทำแบรนด์
1. ลิปสติกเนื้อครีม (Creamy lipstick)
ลิปสติกเนื้อครีม จะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม ให้ความมันวาว มีเม็ดสีที่มีสีสันชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากแห้ง เพราะในลิปสติกเนื้อครีมจะมีส่วนผสมของออยล์และแว็กซ์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะแว็กซ์ที่จะช่วยให้ติดทนได้ดี สามารถบำรุงและปกป้องริมฝีปากด้วยการเคลือบอย่างยาวนานตลอดวัน เมื่อทาแล้วจะให้ลุคจะอยู่ตรางกลางระหว่างความมันวาว (Glossy) และ แห้งด้าน (Matte) ช่วยทำให้ริมฝึปากดูอวบอิ่มขึ้นได้ แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากที่หนาอยู่แล้วเพราะจะทำให้ริมฝีปากดูหนาเกินไป
แต่ข้อจำกัดของลิปสติกเนื้อครีมก็คือ เมื่อเจออุณภูมิสูงหรืออากาศร้อนๆ แท่งลิปติกอาจจะละลายจนเสียรูปทรงได้ จึงต้องระมัดระวังในการเก็บ และคำนึงถึงอากาศและสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ
2. ลิปสติกเนื้อแมตต์ (Matte lipstick)
เรียกได้ว่าเป็นลิปสติกขั้วตรงข้ามของลิปสติกเลยก็ว่าได้ เพราะลิปสติกเนื้อแมตต์นี้จะให้ความเนื้อสัมผัสที่แห้งด้าน ไร้ความมันเงาแวววาว มีความเข้มข้นของสีมาก ทำให้ได้สีที่ชัดสุดๆ และด้วยความที่มีส่วนผสมของออยล์ค่อนข้างน้อย จึงทำให้มีความติดทนนาน สามารถทาแค่ครั้งเดียวแต่สวยติดนานตลอดทั้งวันไม่หลุดออกง่ายๆ
ข้อจำกัดของลิปสติกเนื้อแมตต์ คือ อาจจะทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากแห้ง เพราะจะทำให้ลิปสติกตกร่องหรือเป็นคราบแตกได้
ทริคไม่ลับ อัพความสวยย : เพื่อให้การทาลิปแมตต์ออกมาสวยที่สุด เราควรทาลิปบาล์มหรือลิปมันที่ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นก่อนเพื่อเติมเต็มร่องที่แห้งแตก และอย่าลืมสครับปากและบำรุงให้ริมฝีปากชุ่มชื้นบ่อยๆด้วยนะคะ
3. ลิปสติกเนื้อกลอส (Glossy lipstick)
ลิปกลอส หรือ Gloss ที่แปลเป็นไทยว่าความเงา แวววาว แน่นอนว่าเนื้อของลิปสติกตัวนี้จะต้องให้ความมันเงา วับวาว ส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษณะเป็นเนื้อเหลว สีบางเบาเน้นความเป็นธรรมชาติ ทำให้ริมฝีปากมีสีระเรื่อดูสุขภาพดี พร้อมทั้งสามารถบำรุงให้ริมฝีกปากชุ่มชื้น อวบอิ่ม ไร้การตกร่องหรือปากแห้งแตกเป็นขุย เฉดสีมีีหลายหลายตั้งแต่เน้นความเป็นธรรมชาติไปจนถึงสีสว่างสดใส
4. ลิปเนื้อลิควิดหรือลิปจิ้มจุ่ม (Liquid Lipstick)
ลิปเนื้อลิควิหรือลิปจิ้มจุ่มเป็นลิปสติกที่กำลังมาแรงในหมู่สาวๆวัยรุ่น ลิปสติกประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นเนื้อเหลว เม็ดสีชัด ติดทนทาน มีให้เลือกทั้งแบบมันวาวและแบบเนื้อแมตต์
5. ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาติน (Sheer and Satin Lipstick)
ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาติน เป็นลิปสติกที่อยู่ระหว่างลิปมันและลิปเนื้อครีม เม็ดสีจะมีความบางเบาและไม่มันวาวมากเกินไป เหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการความแวววาวเล็กน้อยกรุบกริบ ให้ริมฝีปากเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่อยากให้สีลิปเด่นจนเกินไป ลิปสติกประเภทนี้จะอุดมไปด้วยออยล์ที่ช่วยบำรุงให้ริมฝีปากชุ่มชื้น สามารถทาเติมซ้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นคราบ สำหรับสาวๆที่มีริมฝีปากแห้ง ลิปสติกชนิดนี้ก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน
ข้อจำกัดของลิปสติกเนื้อเชียร์และซาติน คือ หลุดออกไปง่าย ถ้าหากเรากินอาหารดื่มน้ำหรือมีการไปสัมผัสริมฝีปาก ทำให้ต้องเติมบ่อยๆทุกๆ 3-4 ชั่วโมง
6. ลิปมันและลิปบาล์ม (Lip/Balm)
ถ้าจะนึกถึงลิปสติกที่สามารถบำรุงริมฝีได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยตรงก็คงหนีไม่พ้น ลิปมันหรือลิปบาล์ม ที่เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากโดยเฉพาะ สามารถใช้ได้ในทุกที่ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะอยู่บ้าน ออกไปเรียนหรือออกไปทำงาน ลิปประเภทนี้ก็มักจะต้องอยู่ในกระเป๋าของทุกเพศทุกวัยอยูสมอ ในบางแบรนด์อาจจะมีการใส่เม็ดสีเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มสีสันให้กับริมฝีปากอย่างเป็นธรรมชาติ หรือบางแบรนด์ก็มีสารป้องกันแสงแดด ที่มี SPF ที่นอกจากการบำรุงก็ยังช่วยป้องกันสีปากคล้ำจากการโดนแดงแดด ที่สำคัญคนส่วนใหญ่ยังใช้ลิปสติกชนิดนี้ทาก่อนลงลิปสติกชนิดอื่นๆเพื่อช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นไม่แห้งเป็นขุยอีกด้วย
7. ลิปไลเนอร์ (Lip liner)
เพิ่มมิติให้ขอบปากสีชัดสวยด้วย ลิปไลเนอร์ ลิปประเภทนี้ใช้สำหรับการเขียนขอบปากก่อนลงลิปติกตัวอื่นๆ มักจะอยู่ในรูปแบบดินสอหรือแท่งหมุน ลิปไลเนอร์นี้จะช่วยให้เราวาดโครงปากที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะต้องการริมฝีปากที่เล็กหรือดูอวบอิ่มก็สามารถใช้ลิปไลเนอร์วาดรูปทรงได้ ซึ่งการเขียนขอบปากจะช่วยในเรื่องการทำให้ริมฝีปากดูเป็นกระจับและช่วยทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้นมา เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีอายุมากขึ้นแล้วปากจะบางลงเรื่อยๆ หรือสาวๆ ที่เป็นสาย ฝ. ที่อยากได้ปากหนาๆ แต่ต้องเลือกสีของลิปไลเนอร์ให้มีโทนสีเดียวกันหรือคล้ายกับสีลิปสติกที่จะทาให้มากที่สุด
8. ลิปเนื้อฟรอสตี้ (Frosted Lipstick)
ลิปเนื้อฟรอสตี้ จะมีความแตกต่างโดดเด่นจากลิปสติกตัวอื่นๆ เนื่องจากเป็นลิปสติกที่เนื้อสีเข้มข้นผสมกลิสเตอร์ เมื่อทาแล้วจะทำให้ริมฝีปากเปล่างประกายและดูมีมิติมากขึ้น เม็ดสีชัดไม่มันวาวเกินไป เหมาะกับลุคงานราตรีในยามค่ำคืนที่ต้องการความเฉิดฉายเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ชอบให้ริมฝีปากแห้งและสาวๆที่มีริมฝีปากบาง เพราะจะทำให้ริมฝีปากดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
9. ลิปเนื้อกำมะหยี่ (Velvet Lipstick)
ลิปเนื้อกำมะหยี่ เป็นเนื้อลิปสติกที่อัดเเน่นไปด้วยเม็ดสีเข้มข้น ติดทนยาวนาน ให้เนื้อที่ด้านคล้ายกับเนื้อแมตต์ แต่มีคามแตกต่างจากเนื้อแมตต์คือเมื่อทาลงไปแล้วเนื้อลิปสติกจะมีเนื้อสัมผัสกำมะหยี่ บางเบากว่าและทาแล้วปากไม่แห้งตึง ยังสามารถคงความชุ่มชื้นไว้ได้ ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มสุขภาพดี
10. ลิปเนื้อเมทัลลิก (Metallic Lipstick)
ลิปเนื้อเมทัลลิกจะมีลักษณะเนื้อที่มีความเข้มข้นของสีสูง เม็ดสีชัดโดดเด่นติดทน มีประกายของเนื้อมุกทำให้ริมฝีปากมันวาว แต่ไม่มันวาวเท่าลิปกลอส สามารถช่วยมอบความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม
11. ลิปเนื้อทินท์ (Tint Lipstick)
ลิปเนื้อทินท์จะมีลักษณะเป็นเนื้อเหลว คล้ายกับลิปกลอสแต่จะหนืดน้อยกว่า ลิปชนิดนี้มีจุดเด่นคือตินทนยาวนานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าเราจะกินอาหารหรือดื่มน้ำจากแก้วก็ไม่เลอะให้เสียอารมณ์ เหมาะกับวันยุ่งๆที่ต้องการทาลิปครั้งเดียวก็เอาอยู่ มักใช้คู่กับลิปกลอสเพื่อสีสันและความมันวาวให้กับริมฝีปากอย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อจำกัดของเลิปเนื้อทินท์คือ ถ้าหากใช้ลิปเนื้อทินท์แบบเดี่ยวๆก็อาจจะทำให้ริมฝีปากแห้งได้
แต่รู้ไหมคะว่ามีลิปเนื้อทินท์อีกแบบ เป็นเทรนด์น้องใหม่ที่มีสีชัดสวยสดใส ไม่ทำให้ริมฝีปากแห้ง ทั้งยังบำรุงให้ริมฝีปากเนียนนุ่มอวบอิ่ม ฉ่ำแววอย่างเป็นธรรมชาติ เรากำลังพูดถึง ‘Organic tint oil’ ลิปทินต์เนื้อออยล์ จากการพัฒนาสูตรโดยโรงงาน Cosmania นั่นเอง
Organic tint oil เนื้อลิปออยล์ สำหรับตกแต่งริมฝีปากเพื่อให้ริมฝีปากแลดูอวบอิ่ม ให้ความฉ่ำวาวแลดูสุขภาพดี ให้ความชุ่มชื่นยาวนาน เหมือนได้มาสก์ปากทุกครั้งที่ทา ด้วย Organic coconut oil, Rosehip oil, Rice bran oil และ Shea butter และสารบำรุงอีกมากมาย พร้อมคุณค่าการบำรุงจากคอลลาเจนและวิตามินอี ช่วยให้ริมฝีปากเนียนนุ่ม มอบสีสันให้ริมฝีปากดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
สารบำรุง 6 ชนิดเพื่อริมฝีปากเนียนสวยสุขภาพดี
1. Organic Extra Virgin Coconut Oil 100% : น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค 100% สกัดด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถแยกน้ำมันมะพร้าวคุณภาพที่มีความบริสุทธ์และใสมาก มีความชื้นคงเหลืออยู่น้อย โมเลกุลของน้ำมันมะพร้าวละเอียด มีกลิ่นหอมนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญมีความหนืดน้อยทำให้สามารถดูดซึมน้ำมันมะพร้าวเข้าสู่ริมฝีปากได้ง่าย ทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน
2. Organic rose hip oil : น้ำมันโรสฮิปเป็นน้ำมันที่ได้มาจากการสกัดจากเมล็ดโรสฮิปมีต้นกำเนิดอยู่แถบประเทศชิลี อุดมไปด้วยวิตามิน A และวิตามิน C สูง มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนังและเส้นใยคอลลาเจน ทำให้ริมฝีปากอวบอิ่ม อีกทั้งยังมีกรดไขมันจำเป็นอย่าง โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 ในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ซึมซาบได้รวดเร็ว มีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงให้ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้นอยู่เสมอ
3. Rice Bran Oil : น้ำมันรำข้าว มีสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติอยู่หลากหลายชนิด จึงมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี ช่วยให้เซลล์เสื่อมช้าลง และทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น
4. Shea Butter : เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% เป็นไขมันพืชที่ได้มาจากผลของต้นเชีย (Butyrospermum parkii) มีประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้นสูง ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ช่วยลดเลือนริ้วรอย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดภายใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวมีสุขภาพดี ปกป้องและบำรุงให้ผิวแข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับริมฝีปากที่แห้งถึงแห้งมาก ลอก หรือเป็นขุย
5. Vitamin E : มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และมีคุณสมบัติเป็นสารเคลือบผิว ช่วยลดการสูญเสียน้ำจากผิว ทำให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น ลดอาการระคายเคือง
6. Collagen : คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ช่วยให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น แลดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล เรียบเนียน
จากลิปเนื้อทินต์สีมีสีสวยสดใสสู่ทินต์เนื้อออยล์ ที่ถูกพัฒนาสูตรเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการบำรุงให้ริมฝีปากชุ่มชื้นสุขภาพดีด้วยสารบำรุงมากมาย ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์นี้ไม่มากในตลาดเครื่องสำอาง ทำให้เนื้อลิปสติกนี้น่าสนใจและน่าจับตามองไม่น้อยเลย สำหรับใครที่ต้องการสร้างแบรนด์ลิปสติก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้เลยนะคะ
เรามาสรุปกันอีกทีนะคะว่าลิปสติกมีเนื้ออะไรบ้าง เหมาะกับใครและสามารถใช้ในสถานการณ์แบบไหนได้บ้าง
เนื้อของลิปสติกนั้นยังมีอีกมากมายไม่ได้หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะโลกของลิปติกนั้นช่างกว้างใหญ่และมีการพัฒนาสูตรใหม่ๆตามเทรนด์อยู่เสมอไม่มีวันสิ้นสุด ดั่งคำกล่าวที่ว่า ตราบใดที่ผู้ใหญ่ไม่หยุดสวย ลิปสติกก็ไม่หยุดพัฒนาเช่นเดียวกัน ในครั้งหน้าเราจะมีเนื้อลิปสติกแบบใหม่มาอัพเดต อย่าลืมติดตามกันนะคะ
ข้อมูลอ้างอิง : https://women.mthai.com/beauty/beautytipandtrick/426521.html
https://www.masterclass.com/articles/types-of-lipstick
https://www.innnews.co.th/lifestyle/news_218899/
https://www.popxo.com/article/types-of-lipsticks-matte-creamy-liquid-gloss/