นอกจากส่วนผสมที่ถูกคิดค้นและพัฒนาสูตรมาเป็นอย่างดี หรือจะสารออกฤทธิ์ (active ingredient) สุดเด็ดที่ให้ผลลัพท์สุดปัง อีกหนึ่งอย่างที่เจ้าของแบรนด์ควรให้ความใส่ใจคือ ‘สี’ ของผลิตภัณฑ์เรานั่นเอง เพราะสีคือภาพลักษณ์ที่ผู้ใช้เห็นได้โดยตรงก่อนใช้ลงบนผิว สียังมีผลต่อความคงตัวของผลิตภัณฑ์ของเรา ถ้าหากเลือกสีไม่ถูกประเภทไม่เหมาะสมกับเนื้อของผลิตภัณฑ์อาจจะทำให้ครีม เซรั่ม หรือเครื่องสำอางชนิดอื่นๆไม่คงตัว อีกทั้งยังส่งผลถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค เพราะฉะนั้นเจ้าของแบรนด์ควรมีความรู้พื้นฐานว่าเม็ดสีชนิดใดมีความปลอดภัยหรือสีชนิดไหนมีข้อควรระวังในการใช้ก่อนใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์
ในบทความนี้ Cosmania จึงจะพาทุกคนไปท่องเที่ยวในดินแดนแห่งสีสัน และสำรวจแบบเจาะลึกฉบับนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง รับรองว่าความรู้ดีๆแบบนี้หาไม่ได้จากไหนอีกแล้วว ถ้าพร้อมแล้ว ใส่เสื้อกราวน์แล้วเข้าไปห้องแลปแห่งสีสันกันเลยย
ประเภทของเม็ดสีที่ใช้ในเครื่องสำอาง
1.เม็ดสีอินทรีย์สังเคราะห์ (Organic Synthetic coloring agent)
1.1 Dye
เป็นสีที่เติมเข้าไปในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีคุณสมบัติคือสามารถละลายในตัวทำละลายได้ ซึ่งมี2 แบบ คือ ชนิดละลายในน้ำ (water soluble dye) , ละลายในน้ำมัน (oil soluble day) จะเลือกใช้ตัวไหนก็ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ของเราค่ะ แต่จำไว้ว่าชนิดละลายน้ำจะไม่สามารถนำมาละลายในน้ำมัน แล้วชนิดละลายในน้ำมันจะไม่สามารถนำมาละลายในน้ำได้ นอกจากนั้นสี Dye ยังมีคุณสมบัติเด่นคือ มีความเข้มข้นสูง ใช้ปริมาณเพียงนิดเดียวก็สามารถให้สีที่สดได้แล้ว แต่ข้อเสียคือเราจะไม่รู้สีที่แท้จริงของ dye ถ้าหากมันอยู่ในรูปแบบผงสี เพราะฉะนั้นจึงต้องนำไปละลายในตัวทำละลายก่อนจึงจะรู้สีที่แท้จริงได้ค่ะ
1.2 Lake
สี Lake เกิดจากการนำเอาสี water soluble dye มาทำปฏิกิริยากับเกลือของโลหะ เช่น Aluminium salt เพื่อทำให้มันไม่สามารถละลายได้ในตัวทำละลายใดเลย เพราะฉะนั้นมันจะไม่ละลายทั้งในน้ำและน้ำมัน ในทางกลับกันมันสามารถกระจายตัวได้ดีในน้ำมัน ดูเผินๆอาจจะเหมือนว่ามันกำลังละลายอยู่แต่จริงๆแล้ว เพียงแค่กระจายตัวเท่านั้น ข้อดีของสี Lake คือ มีสีที่ค่อนข้างเสถียร พูดง่ายๆก็คือสีจะไม่เปลี่ยนไปเมื่อเจอกับสภาพแวดล้อมต่างๆหรือเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมักจะใช้กับผลิตฑ์ที่มีสัดส่วนของน้ำมันค่อนข้างมาก เช่น ลิปสติก, ลิปบาล์ม
ตัวอย่าง สี Lake
- FD&C Yellow#5 Al Lake
- FD&C Red#3 Al Lake
1.3 สีย้อมอินทรีย์ (Organic pigment )
สีย้อมอินทรีย์ เป็นสารอินทรีย์ ที่มีความแข็งแรง และมีความมันวาวมากกว่าเม็ดสีอนินทรีย์ (inorganic pigment) เป็นเม็ดสีที่ไม่ละลายทั้งในน้ำและน้ำมัน หรือตัวทำละลายอื่นๆ แต่เม็ดสีจะสามารถกระจายตัวในสูตรได้ เมื่อเปรียบเทียบกับสีชนิดอื่นแล้ว pigment สามารถให้สีที่เข้มชัดและทนทานต่อแสงแดด (UV),ความร้อนและสภาพอากาศได้มากกว่าเนื่องจากอนุภาคของ pigment มีขนาดค่อนข้างเล็ก มักใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิว
ตัวอย่าง Organic pigment
- Azo pigment
- Policyclic pigment
- Anthraquinone pigment
2.สีจากธรรมชาติ (Natural color)
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่อยากจะเน้นความเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะในสูตรหรือเม็ดสีที่ใส่เข้าไป ก็สามารถใช้เม็ดสีที่จากธรรมชาติมาเป็นสารให้สีได้ แน่นอนว่าการที่มาจากธรรมาชาติก็ย่อมให้ความปลอดภัยที่มากกว่า โดยแหล่งที่มาของสีสามารถมาได้จาก
- พืช
- สัตว์
- จุลินทรีย์
แต่ๆๆ มีข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสียนะคะ สีที่มาจากธรรมชาติแม้จะปลอดภัยก็จริงแต่มีเฉดสีค่อนข้างอ่อน ทนทานต่อแสดงแดดและสภาพแวดล้อมได้น้อยกว่าพวกสีสังเคราะห์ค่ะตัวอย่างสีจากธรรมชาติ
3.เม็ดสีอนินทรีย์ (Inorganic pigment)
เม็ดสีอนินทรีย์ประกอบด้วยแร่ธาตุ และเกลือ อยู่บนพื้นฐานของออกไซด์ ซัลเฟต ซัลไฟด์ คาร์บอเนต และส่วนผสมอื่น ๆ เป็นที่นิยมมาก เนื่องจากมีต้นทุนค่อนข้างต่ำ มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนและแสงแดดได้ดี แต่สีนั้นจะไม่สดเท่า เม็ดสีอินทรีย์ (organic pigment) นอกจากนั้นยังถูกแบ่งเป็นหลากหลายประเภทในตามการใช้งาน ตามตารางด้านล่างนี้
พูดถึงประเภทของเม็ดสีที่มักจะใช้ในเครื่องสำอางกันไปแล้ว ตอนนี้เราก็พอจะมีความรู้พื้นฐานของการเลือกใช้สีแล้วใช่ไหมคะ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเราจะพาไปดูเม็ดสีที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ และเม็ดสีแบบไหนที่มีความปลอดภัยสามารถใช้ได้แบบหายห่วง
เม็ดสีแบบไหนที่อัตรายต่อร่างกาย?
เม็ดสีที่ก่อให้เกิดอันตรายร่างกาย มักจะเป็นสีที่ได้จากการสังเคราะห์ (synthetic) เนื่องจากอาจจะมีการปนเปื้อนของสารอันตรายหรือโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว (Lead), แคดเมียม (Cadmium), แมงกานีส (Manganese) และสารปรอท ( Mercury ) หรือสารให้สีที่กลั่นจากปิโตรเลียม เช่น D&C RED 17, D&C RED 31
- Lead หรือ ตะกั่ว : ส่งผลต่อเม็ดเลือด เป็นอันตรายต่อผู้หญิงตั้งครรภ์ การทำงานไต ตับ หัวใจ และสมองผิดปกติ
- Cadmium หรือ แคดเมียม : สารก่อมะเร็ง ที่จะส่งผลต่อกระดูกและการทำงานของไต
- Manganese หรือ แมงกานีส : ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท
- Mercury หรือ สารปรอท : ที่ก่อให้เกิดผิวระคายเคืองสูง และยังส่งผลต่อระบบประสาท และลดการทำงานของไต เป็นสาเหตุของร่างกายอ่อนล้า และสูญเสียความทรงจำได้
กรณีศึกษาที่ 1 ลิปสติกมรณะ ที่มีส่วนผสมของสารก่อมะเร็ง
รูปภาพจาก : เดลินิวส์ ออนไลน์
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมานี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เผยแพร่ผลการตรวจสอบเคลื่องสำอาง โดยระบุว่า ด่านอาหารและยาท่าเรือกรุงเทพ ได้เก็บตัวอย่างเครื่องสำอางนำเข้าที่บริษัทโดยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งจากประเทศจีน และได้ทำการตรวจวิเคราะห์ลิปสติกจากบริษัทดังกล่าว พบว่ามีสารที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง โดยพบ สี CI 15585 ซึ่งสีดังกล่าวเป็นสารก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค เรีกยว่าทำเอาผวาไปตามๆกันกับลิปติกมรณะที่มีการผสมสารก่อมะเร็งนี้
กรณีศึกษาที่ 2 ริมฝีปากสวยแต่แอบเคลือบด้วยสารตะกั่ว
รูปภาพจาก : Living safe
ผลทดสอบจากโครงการเครื่องสำอางปลอดภัย (Campaign for Safe Cosmetics) เมื่อปี 2007 พบแบรนด์ดังอย่าง L’Oreal, CoverGirl และ Dior เข้าข่ายต้องเฝ้าระวัง เพราะพบสารตะกั่วเป็นส่วนผสมในปริมาณสูง โดยพิษจากสารตะกั่ว หากสะสมในร่างกายเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลต่อสมองและระบบประสาท เสี่ยงต่ออาการสมองเสื่อมและระบบประสาทถูกทำลายได้
แล้วเม็ดสีแบบไหนที่มีความปลอดภัยใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง?
จากประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. 2564 ได้ประกาศสีที่อนุญาตให้ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง ดังนี้
- สีตามที่กำหนดไว้ในประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. 2564
- สีผสมอาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการกำหนดสีผสมอาหารออกตามความในกฎหมายว่าด้วยอาหาร
- สีที่รับรองโดย USFDA (United State Food and Drug Administration ) ตามที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ CFR (Code of Federal Regulation ) ฉบับที่กล่าวถึงเรื่องสี ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งล่าสุด
สรุปให้เข้าใจง่ายๆก็คือสีที่มีความปลอดภัยคือสีที่ระบุไว้ในประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ถ้าหากอยากเข้าไปเช็คว่ามีสีอะไรบ้างสามารถเข้าไปเช็คได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้โดยตรงหรือจะคลิ๊กที่ลิ้งค์นี้ก็ได้เลย
รูปภาพตัวอย่างสีที่อนุญาตให้ใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ. 2564 ได้ประกาศสีที่อนุญาตให้ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง
นอกจากสีที่อนุญาตให้ใช้ตามประกาศแล้ว เราอาจจะเลือกใช้สีจากธรรมชาติหรือใช้สีสำหรับ “เกรดอาหาร หรือ Food grade” เห็นคำนี้แล้วอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า Food grade นั้นเอาไว้ใช้สำหรับทำอาหารเท่านั้นนะคะ เพราะคำนี้ คือคำที่บ่งบอกว่าเป็นสารที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราเหมาะสมสำหรับการบริโภค จะได้รับรองว่าให้สามารถใช้ได้โดยไม่มีผลกระทบหรือผลเสียต่อร่างกายนั่นเอง ซึ่งวันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีการใช้เม็ดสี Food grade ปลอดภัยจากสารเคมีและโลหะหนักที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย นั่นก็คือ ” เครื่องสำอางเด็ก Godmami“
เม็ดสีที่เครื่องสำอางเด็ก Godmami ใช้นั้น เป็นสี Food grade ที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศสและอเมริกา ที่มีความปลอดภัยสูงและมีคุณภาพของเม็ดสีที่ดีติดทน ทำให้เครื่องสำอาง Godmami ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องสำอางสำหรับเด็กเท่านั้นเพราะผู้ใหญ่ผิวแพ้ง่าย คุณแม่ตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ให้นมบุตร ก็สามารถนำมาใช้แทนเครื่องสำอางทั่วไปได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน
ความพิเศษของเครื่องสำอาง Godmami ไม่ได้มีแค่การคัดสรรเม็ดสีที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังปราศจากสารต้องห้ามในเครื่องสำอางสำหรับเด็กอย่าง Talcum, Mineral oil, Petroleum jelly, Alcohol, Acetone, SLS และ Paraben ผ่านการทดสอบการระคายเคืองโดยแพทย์ผิวหนังจากแล็บ DRC ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันนี้ยังประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองจาก Ecocert cosmos และ USDA organic ช่วยปกป้องและบำรุงผิวไปพร้อมๆกัน หลังจากที่ได้พาไปรู้จักกับเม็ดสีต่างๆแล้วแล้วการเลือกใช้ใช้สีในเครื่องสำอางเป็นเรื่องที่สำคัญที่ห้ามมองข้ามเลยใช่ไหมคะ เพราะเครื่องสำอางที่ดีจะต้องมีส่วนผสมที่ปลอดภัย ไม่ก่ออันตรายให้กับสุขภาพของผู้บริโภค เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางหรือใส่เม็ดสีลงในผลิตภัณฑ์ควรเช็คให้ดีก่อนว่าสีที่ใช้นั้นมีความปลอดภัยหรือไม่ ด้วยความห่วงใยจาก Cosmania