ปัญหารักแร้คล้ำ ผิวหนังไก่จากการถอนการแว๊กซ์ ลูบไปก็ไม่เรียบเนียน เป็นปัญหาที่ผู้หญิงเกือบครึ่งต้องเคยประสบพบเจอ ผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ที่อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนานก็คือ โรลออนระงับกลิ่นกาย แต่หลายๆคนพบว่าเมื่อใช้โรลออนไปนานๆ ความคล้ำใต้วงแขนกลับเพิ่มมากขึ้น บางผลิตภัณฑ์ก็เหนียวเหนอะหนะ ทำให้ไม่สบายวงแขน เผลอๆอาจจะเกิดคราบเหลืองติดบริเวณเสื้ออีกต่างหาก ซึ่งในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่สามารถช่วยแก้ปัญหารักแร้คล้ำได้ เช่น การยิงเลเซอร์ แต่ก็ใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ทำให้หลายๆคนมองหาทางเลือกอื่นที่ทำให้รักแร้เนียนขาวขึ้นได้ในราคาที่เอื้อมถึง
ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ ที่มีคุณสมบัติที่เด่นในเรื่องช่วยระงับกลิ่นกายควบคู่ไปกับการบำรุงผิวใต้วงแขนให้กระจ่างใสขึ้นจากการใส่สารสกัดต่างๆ พร้อมกับการออกแบบสูตรให้ทาแล้วแห้งเลยไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้รู้สึกสบายผิวขึ้น ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึง ‘ครีมทารักแร้’ เทรนด์ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนวงการสินค้าความงามเฉพาะจุด ถ้าหากเจ้าของแบรนด์คนไหนกำลังสนใจอยากจะสร้างแบรนด์ครีมทารักแร้จากกระแสที่มาแรง ณ ขณะนี้ บอกเลยค่ะว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ! ซึ่งในบทความก่อนหน้าเราได้พูดถึงสาเหตุของการเกิดรักแร้คล้ำกันไปแล้ว ถ้าใครยังไม่อ่านสามารถตามไปอ่านได้ที่ลิ้งค์นี้เลย ส่วนในบทความนี้ Cosmania จะขอพาเหล่าเจ้าของแบรนด์ไปดูกันว่าการสร้างแบรนด์ครีมทารักแร้นั้นจะดีจะปังอย่างที่ว่าหรือเปล่า
ทำไมครีมทารักแร้ถึงดีกว่าโรลออน?
ในปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไป ลูกค้าอยากจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทั้งช่วยแก้ปัญหารักแร้คล้ำและสามารถระงับกลิ่นกายไปได้ด้วยแบบ2in1 ซึ่งครีมทารักแร้จึงถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเรื่องการระงับกลิ่นกายและเพิ่มความกระจ่างใสให้กับรักแร้มากกว่าโรลออนแบบเดิมๆเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพราะสูตรของครีมทารักแร้ถูกออกแบบมาให้ใส่สารสกัดต่างๆที่ช่วยเน้นบำรุงผิวได้มากกว่า โดยไม่ต้องใช้น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ที่อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง ทำให้อ่อนโยนกับผิวมากกว่า ซึมซับแห้งไวมากกว่า และสามารถติดทนบนผิวซึ่งช่วยระงับกลิ่นได้ยาวนาน นอกจากนั้นครีมทารักแร้ ยังสามารถใช้บำรุงในส่วนอื่นๆของร่างกายได้ด้วย เช่น หัวข้อ ข้อศอก หรือข้อพับต่างๆที่อยากให้ผิวสว่างใสขึ้น เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะจุดที่ไม่ใช่แค่ใช้ทาเฉพาะจุดอีกต่อไป ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆคนที่จับเทรนด์กระแสนี้ทันเริ่มหันมาทำแบรนด์ครีมทารักแร้วางขายในตลาดกันมากขึ้น
เริ่มเห็นข้อได้เปรียบของการสร้างแบรนด์ครีมทารักแร้กันหรือยังคะ ยังไม่หมดเท่านี้นะคะ เราจะพาไปสำรวจตลาดกันว่าผลิตภัณฑ์ครีมทารักแร้เพื่อบำรุงให้ผิวขาวกระจ่างขึ้นเป็นที่ต้องการของตลาดจริงหรือไม่
จากการสำรวจตลาาดของ Fact.MR ที่ได้สำรวจความต้องการของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส พบว่าผู้บริโภคโดยเฉพาะแถบเอเซียแปซิฟิค (รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย) มีความต้องการผลิตภัณฑ์นี้สูงที่สุด ซึ่งมีคาดการณ์อัตราการเติบโตปี 2021-2031 สูงถึง 7.5% โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีมทานั้นมีความต้องการสูงที่สุด
และรายงานจาก Transparency market research ยังได้รายงานว่า ตลาดของครีมทารักแร้ทั่วโลกมีแนวโน้มขยายเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่อยากจะมีผิวใต้วงเเขนที่เรียบเนียนเพื่อบูสต์ความมั่นใจให้กับตัวเอง นอกจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น คนในสังคมเองก็มีการยอมรับการใช้ครีมรักแร้เพื่อบำรุงผิวให้กระจ่างใสกันมากขึ้น ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาดครีมทารักแร้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับเจ้าของแบรนด์ที่อ่านมาถึงตรงนี้ และอยากจะสร้างแบรนด์ครีมทารักแร้ ที่มีคุณภาพเห็นผลได้จริง อัดแน่นไปด้วยสารบำรุงผิวให้เนียนนุ่มขาวสว่างกระจ่างใส ทาง Cosmania เองก็มีผลิตภัณฑ์ครีมทารักแร้ที่คิดค้นสูตรมาเพื่อบำรุผิวใต้วงแขนโดยเฉพาะ นั่นก็คือ ‘ Underarm Whitening Cream’ ครีมไวท์เทนนิ่งบำรุงผิวใต้วงแขนตัวนี้ อุดมไปด้วยสารสกัดธรรมชาติ อาทิเช่น ลูกพลับญี่ปุ่น, ต้นคอมเฟรย์, โมเลกุลน้ำตาล, กรดผลไม้, วิตามินบี3และวิตามินบี5 มีคุณสมบัติช่วยลดเหงื่อและกลิ่นอับ ผลัดเซลล์ผิวเก่าคล้ำเสีย ให้ผิวใต้วงแขนแลดูสว่างกระจ่างใสเรียบเนียนน่าสัมผัส เรียกได้ว่า ใส่ส่วนผสมบำรุงเน้นๆแบบจัดเต็ม! เรามาเจาะลึกถึงส่วนประกอบแต่ละตัวกันค่ะว่าแต่ละตัวคืออะไรและมีคุณประโยชน์อย่างไรบ้าง
1. Pancil BA-210-1 (Saccharomyces/Persimmon Fruit Juice Ferment Extract)
สารสกัดจากลูกพลับญี่ปุ่นที่มีถิ่นกำเนิดจากเมืองเอฮิเมะ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยมีโครงสร้างหมู่ –OH group ของ Tanninในสารสกัดลูกพลับ จะไปดักจับและทำลายพันธะของกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย มีความปลอดภัยสูง ได้รับการระบุให้จัดเป็นส่วนผสมเวชสำอางมาตรฐานญี่ปุ่นเลยทีเดียว
รูปภาพจาก : Krabi Nakharin International Hospital
2. Allantoin สารสกัดที่ได้จากรากและใบของพืชที่ชื่อว่าคอมเฟรย์ (Comfrey) ในทางการแพทย์ สารตัวนี้จะถูกนำไปใช้ในการลดอาการอักเสบของแผล แต่ในด้านสกินแคร์เครื่องสำอาง สารตัวเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบและระคายเคือง ลดรอยแดงรอยดำ พร้อมเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง ช่วยเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงผิวเพิ่มให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พร้อมกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้เซลล์ผิวใหม่ได้รับสารอาหารและการบำรุงได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน จึงเหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย
รูปภาพจาก : Pixabay
3. Rhamnosoft (Biosaccharide Gum-2)
สารที่ได้จากกระบวนการหมักทางชีวภาพของพืช ซึ่งโครงสร้าง ประกอบด้วยน้ำตาลแรมโนส (Rhamnose), กาแลคโตส (Galactose) และ กรดกลูคิวโรนิก (Glucuronic Acid) ช่วยเพิ่มการหลั่งสารเบต้า เอนดอร์ฟิน (β – endorphin) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยระงับความเจ็บแสบ ปวดร้อนได้ ช่วยยับยั้งการสังเคราะห์สารที่ก่ออาการอักเสบ ช่วยลดโพรสทาแกลนดิน ( Prostaglandin E2; PGE2 ) ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ และยังช่วยยับยั้ง PGE2 ที่เป็นสาเหตุของการบวมแดง ผื่นคันอักเสบ และช่วยลดการแดงอักเสบของผิวหนังบริเวณที่โดนรังสียูวีอีกด้วย
4. Lactic Acid
กรดอ่อนที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน ช่วยทำให้ผิวหนังชั้นนอที่ตายแล้วหลุดลอกออก ทำให้มีช่องว่างสำหรับการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวเนียนนุ่ม อีกทั้งยังช่วยคงความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวไม่แห้งอีกด้วย
5. Niacinamide (Vitamin B3) วิตามินบี 3 เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิว โดยมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและเพิ่มระดับเซราไมด์ในผิว และช่วยยับยั้งการเคลื่อนตัวของเม็ดสีเมลานินที่จะเคลื่อนตัวขึ้นมายังผิวชั้นบน ทำให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใส ลดรอยดำรอยแดง
6. DL-Panthenol หรือ Pro-Vitamin B5
เป็นสารที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ และจะถูกเปลี่ยนเป็น Pantothenic Acid หรือ Vitamin B5 ทันที โดย Vitamin B5 มีความสำคัญมากสำหรับสุขภาพผิวที่ดีทำหน้าที่เป็นสารกักเก็บความชื้นที่ดี ช่วยเป็นเกราะให้กับผิว (skin barrier) ป้องกันการสูญเสียความชื้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผิวที่แห้งเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวบรรเทาอาการคัน จากการแพ้ ลดรอยแดง ช่วยสมานแผลและเร่งการสร้างเนื้อเยื่อชั้นผิวใหม่ ลดการอักเสบของผิว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ ผิวที่มีอาการแพ้ นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพบว่า ช่วยยืดอายุของเซลล์ผิว (skin cell proliferation) ทำให้สมานแผลได้เร็วขึ้นและลดการเกิดแผลเป็น จึงเหมาะกับผู้ที่ใช้วิธีการถอน แว๊กซ์ หรือโกนขน ที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบระคายเคือง
7. Vitamin E Acetate
สาร antioxidant ตัวดังที่นิยมใช้ในเครื่องสำอาง มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอย ช่วยชะลอการเสื่อมของผิวหนัง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต และช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์เพื่อลดการเกิดการไหม้ของผิวหนังหลังจากโดนแสงแดดอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่าแม้จะใส่เสื้อแขนกุดอวดผิวใต้วงแขนในที่แสงแดดแรงก็ไม่ต้องกลัวผิวคล้ำเสีย
น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมคะสำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ในยุคที่สาวๆหันมาให้ความสำคัญกับการบำรุงผิวใต้วงแขนพอๆกับการระงับกลิ่นกาย ครีมทารักแร้จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระแสมาแรงที่ผู้ประกอบการไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.factmr.com/report/309/skin-lightening-products-market
https://lavilin.com/blogs/news/different-types-of-deodorants-cream-vs-stick
https://aes-de.co.th/articles/underarm-cream/